เปลี่ยนการแสดงผล
จำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซด์
วันนี้
41541
เดือนนี้
1274942
เมื่อวาน
123251
เดือนที่แล้ว
261327
พลังรักของแม่ จะเป็นแรงหลักดันให้ฉันดำเนินชีวิต
15 มีนาคม 2564 464 ครั้ง
พลังรักของแม่

         เสียงวิทยุรายการโปรดของแม่จบลงไปสักพัก แม่ก็เปิดทีวีต่อ แต่ถูกฉันขัดจังหวะ..

“แม่...กินข้าว... กับข้าวเสร็จแล้ว พร้อมแล้ว” ฉันเรียกแม่กินข้าว 
“วันนี้ผักบุ้งต้มอย่างเปื่อยเลย รับรองนิ่ม เคี้ยวง่าย ปลาดุกย่างแล้วก็น้ำพริกหนุ่ม นะแม่” 

         อาหารที่เป็นของชอบแม่ในเวลานี้ มีอยู่ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักและปลา สุขภาพของคนที่เป็นโรคประจำตัวหลายอย่าง ผักและปลาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของบ้านเรา

        แม่ฉันชอบอ่านหนังสือมากที่สุด แม่เล่าให้ฟังว่าสมัยเด็ก ๆ อายุประมาณ 11 ขวบ ยายให้แม่ไปซื้อหอมแดงจากร้านชำใกล้ ๆบ้าน แล้วก็ให้รีบซอยหอมให้ยาย เรื่องด่วนแต่แม่ยังไม่ลงมือทำเพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือจากถุงกระดาษที่ใส่หอมแดง สมัยนั้นยังไม่มีถุงพลาสติก ยายมาเห็นถึงกับตบหัวคะมำ แม่เล่าปนเสียงหัวเราะ “แหม.. มันชอบอ่านหนังสือจริง ๆ นะ เห็นตัวหนังสืออะไรไม่ได้” ฉันเชื่อ เพราะเห็นแม่อ่านหนังสือตั้งแต่ฉันจำความได้ สมัยก่อนบ้านเรารับหนังสือหลายเล่มหลายชนิด เช่น เดลิเมล์ สกุลไทย สตรีสาร ลลนา ต่วย-ตูนพอคเก็ตบุ๊ค และแม่ยังรับหนังสือต่วย-ตูน พิเศษ ให้ฉันด้วย การอ่านจึงเป็นสิ่งที่แม่ชอบมากที่สุด อ่านทุกอย่างทุกแนว ชอบที่สุดเห็นจะเป็นแนวประวัติศาสตร์ ไปจนถึงบทวิเคราะห์ข่าวการเมือง ไม่ธรรมดานะแม่ฉัน

         นอกจากนี้ แม่ก็ยังชอบงานเย็บปักถักร้อย ตัดเสื้อผ้าได้เอง สร้างสรรค์ผลงานตามใจชอบ กับจักรตัวโปรดในเวลาว่างที่แม่พอจะมีอยู่บ้างหลังจากทำงาน 

         ในวันนี้ วันที่แม่ล้มป่วย ต้องพักรักษาตัวจากโรคเบาหวานและเส้นเลือดหัวใจตีบ อาการที่เป็นขั้นแรงที่สุดแล้ว ก็คือ เส้นเลือดหัวใจตีบทำงานได้เพียงบางส่วน สำหรับเบาหวานก็ตามัวและถึงขั้นตาบอดทั้ง 2 ข้างในที่สุด จอประสาทตาของแม่ อวัยวะที่ทำให้แม่ไม่สามารถมีความสุขในสิ่งที่ชอบได้อีกแล้ว แม่อยู่ในโลกมืดมาไม่น้อยกว่า 10 ปี กิจกรรมที่รักและชอบทั้งหมดต้องหยุดลงทุกอย่าง 

         ฉันเคยลองหลับตา เดิน หยิบจับและพยายามทำกิจกรรมต่าง ๆ ในความมืดเพียงแค่ไม่ถึง 5 นาที แต่ความรู้สึกมันดูเหมือนเป็นเวลาที่ยาวนานมากสำหรับคนที่ตาดีอย่างเรา ๆ แล้วแม่ล่ะ?..  แม่จะรู้สึกอย่างไรนะกับโลกที่มืดสนิทอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้  ฉันรู้สึกทุกข์ใจ และรู้สึกสงสารแม่จับใจ คืนนั้นฉันร้องไห้หนักมาก

         ก่อนหน้านี้ ช่วงที่แม่มองไม่เห็นใหม่ ๆ แม่เล่าว่า แม่ก็ทุกข์ใจ เสียใจ เสียใจเหลือเกิน ทำกรรมอะไรมานะ สารพัดที่จะคิด อยากจะกลับมามองเห็นได้อีก อยากมองเห็น อยากอ่านหนังสือ อยาก ๆๆ คิดวนเวียนแต่แบบนี้ และทุกวิธีของการรักษา สร้างความหวังให้แม่ทุกครั้ง ฉันเองก็แสวงหาทุกวิธีที่ทราบข่าวเพื่อจะรักษาแม่เช่นกัน สเตมเซลล์เหรอ? ฉันก็ปรึกษากับหมอมาแล้ว แต่มันไม่ใช่การรักษาแบบที่เป็นกับแม่ฉัน หมอบอกกับฉันว่า อาการแบบที่แม่เป็นไม่สามารถรักษาได้อีกแล้ว มันจบแล้ว ตอนนี้อาการทุกข์ใจมาอยู่ที่คนที่ตามองเห็นอย่างฉันแทน ฉันช่วยแม่ไม่ได้จริง ๆ แล้วเหรอ 

          แต่อยู่มาวันหนึ่ง แม่บอกฉันว่า “แม่ไม่อยากมองเห็นแล้ว เพราะความอยากทำให้แม่เป็นทุกข์ คิดแต่จะรักษาให้หาย” แม่นอนฟังธรรมะในคืนหนึ่ง เนื้อหาพูดถึงเรื่องความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นเพราะคำว่า “อยาก” อยากมี อยากได้ อยากเห็น ทำให้เกิดทุกข์ แต่ถ้าเราไม่อยากเสียอย่างเดียว เราก็ไม่ทุกข์แล้ว ธรรมะคืนนั้น พลิกความเศร้า ความหม่นหมองของแม่ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง “แม่ไม่อยากเห็นอีกแล้ว แม่จะอยู่แบบนี้แหละ แบบที่มองไม่เห็นนี่แหละ” แม่ฉันเป็นคนคิดบวกเสมอ 

         แม่ไม่ยอมแพ้ และช่วยตัวเองได้เป็นอย่างดี ใช้ชีวิตและทำกิจวัตรประจำวันทั่ว ๆ ไปได้เอง รวมไปถึง การเปิด-ปิด วิทยุ ทีวี แอร์ พัดลม การใช้ Remote Control ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับแม่เลย และจากที่แม่อ่านหนังสือไม่ได้แล้ว หนังสือเสียงจึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแม่ในเวลานี้ ฉันสมัครสมาชิกห้องสมุดหนังสือเสียงของคนตาบอดให้แม่ไม่น้อยกว่า 3 แห่ง เพื่อรับ CD หนังสือเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา ซึ่งมีให้เลือกมากมายให้แม่ เสียงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ จากผู้ใจบุญเป็นสิ่งที่สร้างความสุขให้กับแม่ได้ดี ฉันทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อแม่ฉันเสมอ

 “แม่.. วันนี้เป็นไงบ้าง?” ฉันถามทุกครั้งที่โทรหาแม่
“อือ..ตาบอดสบายดี” นี่คือคำตอบจากแม่

         แม่ไม่ได้ประชด แต่พูดด้วยความจริง และเมื่อแม่สบายดี ฉันก็สบายใจ แม่เสียอีกที่เป็นผู้ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำกับฉันเสมอมา
ครั้งหนึ่งที่แม่คุยกับฉัน แม่บอกว่า “ในครอบครัวเรา 5 คน พ่อ แม่ ลูก 3 คน ถ้าต้องมีใครสักคนที่ต้องเจ็บป่วยเป็นแบบแม่ แม่คิดว่า ก็แม่นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว คนอื่นไม่มีใครสมควรต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้เลย ลูก ๆ อยู่ในวัยต้องทำงาน ส่วนพ่อเป็นแบบนี้ไม่ได้แน่ ๆ คงจะลำบากมาก น้องคนเล็กก็มีหน้าที่ช่วยดูแลพ่อแม่ ก็เหมาะสมอีกเช่นกัน พระเจ้าเค้าคงมอบให้ครอบครัวเรามาแบบนี้”  

         ฉันน้ำตาคลอ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ แม่พูดเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่แม่เป็นคนที่มีความทุกข์มากที่สุด ... แต่พลังรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีให้กับครอบครัว แม่ยอมเป็นผู้แบกรับมันไว้เอง
ฉันไม่อาจจะประมาณหรือประเมินคุณค่าความรักของแม่ได้ รู้แต่ว่า ฉันเองก็รักแม่เหลือเกิน พลังรักของแม่จะเป็นแรงผลักดันให้ฉันดำเนินชีวิตในหน้าที่การงาน ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อครอบครัว เพื่อให้แม่ได้ภูมิใจในตัวฉัน

เขียนโดย “แม่วาด”
ภาพและวีดีโอ